ตัวอย่าง 6 อินชัวร์เทค ผลิกโฉมวงการประกันภัย

ตัวอย่าง 6 อินชัวร์เทค ผลิกโฉมวงการประกันภัย

อินชัวร์เทค (InsurTech) เป็นคำที่ใช้เรียกธุรกิจประกันภัยที่นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น

Insurtech จะเข้ามาพัฒนาวงการประกันหลักๆอยู่ 4 ด้านด้วยกันคือ ด้านการเลือกซื้อ, การขายและการบริหาร, การพิจารณารับประกัน และการเคลม

– ด้านการเลือกซื้อ
ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
วางแผนการทำประกัน
แนะนำแบบประกันที่เหมาะสม

– ด้านการขาย
ช่วยให้ผู้ขายบริหารข้อมูลลูกค้าง่ายขึ้น
ช่วยวิเคราะห์การขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขาย
ช่วยทำให้การซื้อขายออนไลน์ง่ายขึ้น

– ด้านการพิจารณารับประกัน
ระบบตรวจจับและเก็บข้อมูลพฤติกรรมเพื่อประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคลให้สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้เหมาะสมกับความเสี่ยงมากขึ้น

– ด้านการเคลม
การเชื่อมโยงฐานข้อมูลดิจิตัล
แจ้งเคลม ติดตามผล การพิสูจน์และอนุมัติ
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง แม่นยำมากขึ้น

ทีมงานอยากเป็นนักวางแผนการเงิน
จึงขอนำเสนอตัวอย่างInsurtech
ทั้งไทยและต่างประเทศ
มาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินและเห็นอนาคตไปด้วยกันนะคะ

SundayInsurtechในไทยได้เริ่มนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการสร้างและทดสอบระบบบริหารจัดการความเสี่ยง

นอกจากนี้ยังมีการนำตัวแปรต่างๆ มาใช้ในการคำนวณแบบเรียลไทม์ ร่วมกับโมเดล Machine Learning โดยความเสี่ยงแต่ละรูปแบบจะถูกประเมินตามนัยสำคัญเชิงสถิติ (Statistical Significance) และความน่าจะเป็นของตัวแปรแต่ละตัว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ต้นทุนความเสี่ยงที่แม่นยำ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะตัวบุคคล (Personalization) ได้อย่างแท้จริง

 

 

RightIndem : ข้อมูลโปร่งใส เคลมได้เองทุกขั้นตอน
ประกันแนวคิดใหม่ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถจัดการเคลมได้ด้วยตัวเอง ทำให้กระบวนการทั้งหมดโปร่งใสทุกขั้นตอน

เคลมเสร็จได้เร็วตามต้องการ กลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วกว่า

 

 

MetroMile : ประกันรถยนต์ ที่คิดค่าเบี้ยประกันตามจำนวนไมล์หรือระยะทางที่ขับจริ
ประกันรถยนต์ ที่คิดค่าเบี้ยประกันตามจำนวนไมล์หรือระยะทางที่ขับจริง ด้วยสถิติที่ว่า ผู้ขับขี่ประมาณ 65% มีระยะทางในการใช้งานไม่เกิน 16,000 กม./ปี ซึ่งอ้างว่าทำให้ประหยัดไปได้ถึงประมาณ 500 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ต่อปีเลยทีเดียว

 
Lemonade : จ่ายเร็ว เคลมเร็ว
สตาร์ตอัพประกันภัยที่หักเบี้ยฯประกันทันที 20% สำหรับเป็นกำไรของบริษัทฯ ส่วนที่เหลือจะกันไว้สำหรับการเคลมประกันให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะทำให้การจ่ายเคลมเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยแนวคิดว่า ค่าเบี้ยประกันนี้ไม่ใช่เงินของบริษัท แต่มันคือเงินของลูกค้า

Frank : เคลมประกันรถยนต์อย่างรวกเร็ว

Frank เป็นInsuretechที่คนไทยคุ้นเคย
ต้องการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการทำประกันรถยนต์เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจความหมายของศัพท์ประกันแบบง่ายๆ รวดเร็วมากยิ่งขึ้นในการเช็คเบี้ยประกันไม่ถึง 1 นาที จ่ายเงินเสร็จและส่งกรมธรรม์ออนไลน์ให้คุณที่อีเมลทันที

Sherpa : AI วิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อคำนวณค่าเบี้ยประกัน
บริษัท Startup ในประเทศอังกฤษที่สร้างระบบ AI ที่สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง คำนวณค่าเบี้ยประกัน และจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีระดับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป

Comments