นักวางแผนการเงินสามารถแนะนำลูกค้าในการประเมินความเสียหายของรถ หลังจากเจอฝนตกหนัก น้ำท่วมรถได้

นักวางแผนการเงินสามารถแนะนำลูกค้าในการประเมินความเสียหายของรถหลังจากเจอฝนตกหนัก น้ำท่วมรถได้ดังนี้นะคะ

1. คุณอาจไม่สามารถประเมินได้ด้วยตนเอง
ต้องให้ศูนย์บริการเป็นผู้ท
ก่อนที่จะส่งรถสู่มือช่าง
คุณควร “ถ่ายรูปรถ” ให้ชัดเจนทุกมุม
ทั้งตัวถัง ภายในห้องโดยสาร
และในห้องเครื่องยนต์
หรือหากไม่สามารถถ่ายรูปได้ก็ให้
“ทำสัญลักษณ์แสดงระดับน้ำ”
ไว้ที่ตัวถังรถ
เพื่อให้ช่างทราบว่ารถของคุณจมอยู่ในระดับไหน

2. “อย่าสตาร์ทเครื่องโดยเด็ดขาด”
เพราะอาจทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของรถ
เกิดช็อตหรือลัดวงจรเสียหายได้

3. หลังจากถ่ายรูปหรือทำสัญลักษณ์เรียบร้อยแล้ว
ให้เปิดฝากระโปรงรถเพื่อ “ปลกขั้วแบตเตอรี่” ออก
โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือปลดทั้งสองขั้นก็ได้
จากนั้นจึง “ส่งรถสู่มือช่างผู้ชำนาญ” เพื่อรับการซ่อม
โดยใช้บริการรถยก

จากภาพหากนักวางแผนการเงินดูแลประกันวินาศภัย
อาจจะทำการแนะนำดังนี้

ถ้าน้ำท่วมในระดับ A คือแค่ระดับพรมและพื้นรถ

ค่าซ่อมรถจะอยู่ที่ประมาณหลักพันถึงหลักหมื่น

แต่ถ้าน้ำท่วมในระดับ C คือ ระดับแผงหน้าปัดและคอนโซล โดยที่คุณไม่ได้ถอดขั้วแบตเตอรี่หรือถอดกล่องอีซียูซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญและมีราคาสูงออก

จะทำให้ค่าซ่อมรถขยับขึ้นไปสูงถึงหลักแสนบาท แถมเมื่อซ่อมเสร็จแล้วสภาพรถก็ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม

จึงต้องพิจารณาว่าควรจะซ่อมหรือควรขายเพื่อนำเงินมาดาวน์และผ่อนรถยนต์คันใหม่ดีกว่ากันค่ะ

ด้วยรัก
ทีมงาน อยากเป็นนักวางแผนการเงิน

Comments